[EXEfanfic]Temperature rise[viriyaxmajcha] - [EXEfanfic]Temperature rise[viriyaxmajcha] นิยาย [EXEfanfic]Temperature rise[viriyaxmajcha] : Dek-D.com - Writer

    [EXEfanfic]Temperature rise[viriyaxmajcha]

    ณ วันฝนตก.... ความเข้าใจผิด.... ไข้ขึ้น... และ.... คนสำคัญของฉัน

    ผู้เข้าชมรวม

    206

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    4

    ผู้เข้าชมรวม


    206

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  21 ต.ค. 53 / 11:56 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      คุยกันก่อนติ๊ดนึง=w=

      ฟิคนี้เขียนมานานนนนนมากๆๆๆๆๆ แล้วล่ะค่ะ และมันก็ออก ....หวานเลี่ยน...

      อ่านจบแล้วอย่าลืมไปหาปลาเค็มมาทานกันด้วยนะก๊ะ.....(แก้เลี่ยน)

      ............................................................................................................................................................


      ทำไมถึงไม่เคยเข้าใจฉันบ้างเลยนะ มัจฉา

       

      ณ โรงเรียนรวมมิตรประชาทันฑ์ โรงเรียนที่รวมเหล่าผู้เล่นเกมนีโอยูนิเวิร์ส ที่มีทั้งไอ้เกรียนหัวชมพู่ ไอ้เป็ดผี น้องนางหัวกระเซิง และอื่นๆอีกมากมาย

      และในห้องเรียนห้องม.2/x

      เด็กสาวผมทองนั่งอยู่ริมหน้าต่าง เธอเหม่อมองก้อนเมฆแต่ละก้อนที่ลอยผ่านไปภายใต้ท้องฟ้ายามรุ่งอรุณ

      สายตาที่ทอดยาวออกไปอย่างไร้จุดหมาย และสีหน้าที่ดูเหมือนว่าจะกำลังคิดถึงเรื่องต่างๆมากมาย

       

      อรุณสวัสดิ์ วิริยา เสียงทักทายที่คุ้นเคย ดังมาจากทางประตูห้องเรียน

      หือ? อะไรล่ะมัจฉา เด็กสาวตอบด้วยเสียงห้วนๆ

      เป็นอะไรไปน่ะ เมื่อเช้าก็ออกมาก่อน ไม่ยอมรอกันเลย

      ฉันก็แค่ขี้เกียจรอเท่านั้นแหละ วิริยาพูดโดยไม่หันกลับมามองมัจฉา 

      วิวิริยา นี่เธอโกรธอะไรฉันใช่มั้ยเนี่ย แล้วเธอโกรธอะไรฉันงั้นเหรอ?...

       

      เด็กสาวคิด แต่ไม่ทันได้พูดออกไป เสียงกริ่งของโรงเรียนก็ดังขึ้น

      ถะถ้างั้น ตอนเย็นเจอกันนะมัจฉาวิ่งจากไป แต่วิริยาก็ยังคงมองออกไปนอกหน้าต่าง

       ท้องฟ้าเจ้าเองก็ดูเศร้าเหมือนกันนะ   

      หลังเลิกเรียน ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้สัก2-3.. ท้องฟ้าจะยังสดใสอยู่ แต่ตอนนี้กลับมืดครื้มอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ  แล้วฝนก็เริ่มตก หนักขึ้น หนักขึ้น จน…[ฝนเม็ดใหญ่เท่าขี้ช้าง!!!!!]

       

      นักเรียนม.ต้นที่เพิ่งเลิกเรียน บางคนที่มีร่มก็แบ่งๆกันใช้ บางคนก็วิ่งผ่าห่าฝนไปแบบไม่คิดชีวิต

      หากแต่ยังมีน้องนางนางหนึ่ง….

      ชิลืมเอาร่มมาจริงๆเหรอเนี่ย?เด็กสาวผมทองบ่นกับตัวเอง เธอลืมเอาร่มมาจนได้ทั้งๆที่นี่ก็เข้าหน้าฝนมาตั้งนานแล้ว

           วิริยามองซ้ายแลขวาราวกับว่าอาจจะเจอร่มที่คนเผลอทิ้งเอาไว้อยู่แถวนั้น เพราะนักเรียนก็ทยอยกลับกันจนเกือบหมดแล้ว ทันใดนั้นเธอก็เหลือบไปเห็นเด็กสาวผมสั้นยืนถือร่มอยู่

       

      มัจฉา…” วิริยาเรียกชื่อของเธอออกมาโดยไปได้ตั้งใจ แล้วก็รีบเดินเข้าไปหา ทั้งๆที่เมื่อเช้ายังหงุดหงิดอยู่แท้ๆ แต่ทันทีที่ได้เจอกลับรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก

      ทันใดนั้นเด็กก็มีเด็กหนุ่มหัวสีชมพูเดินตรงมาที่มัจฉา เมื่อทั้งคู่ได้เจอกัน ก็พูดคุยกันอย่างสนิทสนม

      อะ….กานดานี่นา…” ทำไมล่ะ? ทำไมกานดาถึงได้ ไม่เห็นเข้าใจเลย

      คำถามมากมาย พรั่งพรูออกมาเต็มไปหมด แต่ไม่มีคำตอบใดที่จะทำให้สิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้า คือการเข้าใจผิดได้เลย 

      มัจฉาเองก็ไม่ได้ยินเสียงที่วิริยาเรียกจึงเดินออกไปกับกานดาโดยที่ไม่ได้สนใจเธอเลยแม้แต่น้อย

       

      ภาพของมัจฉาคนที่สำคัญที่สุดสำหรับเธอ เดินจากไปโดยไม่เห็นหัวกันแบบนี้ มันทำให้ความรู้สึกหงุดหงิดทวีคูณความรุนแรง   อีกทั้งใบหน้าของทั้งสองคนที่ดูยิ้มแย้มสนิทสนมนั่นล่ะ มันอะไรกัน 

      เหมือนถูกทิ้ง…… ท่ามกลางพายุฝนที่หนาวเหน็บ แต่ทั้งตัวและหัวใจกลับร้อนรุ่ม

      ความรู้สึกนี้มันคืออะไรกันนะ ความโกรธ ความเกลียด ความอิจฉา หรือ ความเศร้ากันแน่

       

      ตัว เราในตอนนี้ ไม่เห็นเข้าใจอะไรเลย ทั้งๆที่อยากเป็นคนสำคัญของเธอขนาดนั้นแท้ๆ ทั้งที่อยากจะอยู่ข้างๆเธอแต่ตอนนี้กลับทำไม่ได้เสียแล้ว

       

      ฉันกลับบ้านเองก็ได้  .........

       เด็กสาวตัดสินใจที่จะวิ่งกลับบ้านด้วยตัวเอง มือ2ข้างยกกระเป๋านักเรียนขึ้นบังหัวให้มิดชิดที่สุด  แล้วออกวิ่งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

      แม้ในหัวจะยังคงกังวลและสับสน ขาทั้ง2ข้างก็ยังคงวิ่งต่อไป ที่จริงเธอแค่อยากจะประชดว่าถึงไม่ต้องมีมัจฉาอยู่ข้างๆก็ไม่เป็นไร

       

      ทำไมมันยังไม่ถึงซักทีนะ ก็วิ่งมาตั้งนานแล้วนี่นา ….

      รองเท้าเปียกแฉะไปหมด เสื้อผ้าก็เปียกปอน น่าเวทนาสุดๆ ถ้าถูกใครเห็นในสภาพแบบนี้ละก็ คงต้องเอาปี๊บ [สนน ราคา 15 G] คลุมหัวแหง

       

        ทำไมกันนะ ทำไมภาพมันเบลอๆแบบนี้เนี่ย ขาก็หนักอึ้ง  หัวก็มึนไปหมด

       

      วิริยาที่ฝืนวิ่งมาได้ตั้งนาน ในที่สุดร่างกายที่แบกรับทั้งสภาพอากาศและสภาพจิตใจที่เลวร้ายก็มาถึงขีดสุดแล้ว  ความรู้สึกต่างๆเริ่มเรือนลางลงทุกที ขานั้นวิ่งไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว 

      พรืดดดด!!! ตุบบบบ!!!!

      เธอ ลื่นล้มลงไปบนพื้นที่เปียกแฉะ ร่างกายไม่สามารถที่จะลุกขึ้นยืนขึ้นมาได้ไหว สติที่ยังเหลือน้อยเต็มทีก็ทำได้เพียงภาวนาขอให้ทุกอย่าง มันเป็นเพียงความฝัน

       

      วิริยาสลบไปท่ามกลางพายุฝนที่ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเลยแม้แต่น้อย

        

      …………………………………………………………………………………

         

      ……อา……นี่เรา.......ตายแล้วงั้นเหรอ?

      ………ยังไม่ได้ทันบอกลาปะป๊ากะหม่าม๊าเลยนะ เงินที่ถูกยืมไปก็ยังไม่ได้คืน……         

      ………ยังไม่ได้บอกมัจฉาเลยว่าเราแอบอุบอิบไอเท็มหายากราคางามไว้……

      ……ที่นี่คือสวรรค์งั้นสินะ แต่ทำไมมันมืดจังเลย? นั่นมันนางฟ้างั้นเหรอ? สวยจัง......ผมยาวสีทอง………     

      ดวงตาสีแดงฉานราวกับเปลวไฟ........????????  ทำไมมันหน้าตาคุ้นๆหว่า????

      เด็กสาวค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ แล้วภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้าก็คือ........

       

      มัจฉา??????!!!!!!” วิริยาสะดุ้งเฮือกเมื่อตื่นมาเจอมัจฉานอนฟุบอยู่บนตักของเธอ เสื้อผ้าเปียกปอนเพราะฝน 

      เด็ก สาวหันไปดูสถานที่รอบๆตัวพบว่าเธอได้กลับมาอยู่ที่ห้องพยาบาลของโรงเรียน เสื้อผ้าที่เปียกเพราะฝนก็ถูกเปลี่ยนเป็นชุดกีฬาของโรงเรียน

      ……มัจฉามาเปลี่ยนให้งั้นเหรอ? เอ๊ะ??อะไรเนี่ย?.....

      วิริยาเอามือยันตัวลุกขึ้นนั่ง เมื่อคลำไปที่หน้าก็พบผ้าขนหนูชุบน้ำหมาดๆโปะอยู่

      ที่ข้างเตียงก็มีกระลามังใส่น้ำวางไว้......... 

      ........เป็นไข้ละมั้ง ยังมึนๆหัวอยู่เลย ………

      …………………

      …………

      ……มัจฉา…………………นี่เธอ………มาเฝ้าไข้ฉันตลอดเลยเหรอเนี่ย???..........

      เด็กสาวยื่นมือเข้าไปลูบหัวมัจฉาที่นอนไม่ไหวติงอยู่บนตักอย่างแผ่วเบาอย่างกับว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าอาจจะแตกสลายไปได้ง่ายๆ

      ……ขนาดตอนนอนก็ยังทำให้ใจฉันมันเต้นไปเป็นจังหวะแบบนี้……นี่เธอจะทรมานฉันไปถึงไหนกันนะ

       

      อืมมอือ…”เด็กสาวซึ่งนอนอยู่อย่างไร้สติ เริ่มรู้สึกตัวขึ้นมา

      เอ๊ะ!...วะวิริยา.......เธอตื่นแล้วเหรอ.......รู้สึกว่าเธอจะเป็นไข้นิดหน่อยนะ ฉันเลยพามาที่ห้องพยาบาลก่อนน่ะคือ....มัจฉากระสับกระส่ายไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหนดี แต่พอเห็นวิริยาหันหน้าหนีไปทางอื่น เลยไม่รู้จะพูดอะไรดี

       

      วิริยาคือชั้น........

      นี่มัจฉา........รู้มั้ยว่าทำไมเมื่อเช้าชั้นถึงโกรธเธอ มัจฉาหันควับทันทีเมื่อวิริยาเอ่ยชื่อของเธอ

      “……………………”มัจฉาไม่ตอบ ยังคงนั่งแข็งทื่อมองไปทางวิริยาซึ่งยังคงเบือนหน้าหนีเธออยู่   

      ย้อนกลับไปเมื่อคืนก่อนในเกมN.U.

      “……ถ้าอย่างนั้นทุกคน กลับไปเตรียมตามที่วางแผนไว้นะ แค่นี้แหละ

      ฟุ่บ ๆ ๆๆ       เฮ้อ~เหนื่อยจริงๆนะเนี่ย เป็นหัวหน้าน่ะมัจฉา ถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างหมดแรง ช่วงนี้ในเกมเกิดการแข่งขันทางการค้ามาก ผู้เล่นเลยต้องลำบากไปตามๆกัน ไหนจะเกิดการแย่งชิงดาวเคราะห์อีก

      ไงมัจฉา เหนื่อยหน่อยละนะช่วงนี้สมาชิกของกองกำลังส่วนใหญ่กลับกันไปหมดแล้วเลยเหลือมัจฉากับวิริยาอยู่2คน

       อืม แต่ไม่ต้องห่วงหรอกย่ะ เธอนะไปหาของดีๆใส่เก็บเลเวลให้สูงๆก็พอแล้ว จะได้ใช้งานง่ายหน่อย

      ว่าไงนะ พูดงี้ถ้าวันหลังเจอของดีจะไม่ให้แล้วด้วย

      นี่เธอ ยังติดหนี้ชั้นอยู่อีกบานเลยนะอ๊ะ……”

      ว่าไงมัจฉา วันนี้จะพาฉันไปล่าบอสจริงรึปล่าวเนี่ย?กะ..กานดา  นายเข้าเกมเร็วกว่าที่นัดไว้ตั้งนานนี่นา

      อ๋อ พอดีฉันว่าง[เกรียน+กาก]มาก เลยกะว่าจะเก็บเลเวลไปก่อน

      งั้นเหรอ งั้นเดี๋นวฉันตามไปที่นั่นละกัน นายรออยู่นั่นแหละ

      ตามรับสั่งจ้า

      บอกว่าอย่าพูดแบบนั้นไงเล่า……เอ้อวิริยา โทษทีนะ…”มัจฉาพูดนานเกินจนลืมวิริยาซะสนิทเลย

      นัดกับกานดาไว้เหรอ ไม่เห็นบอกกันมั่งเลยนะความรู้สึกบางอย่างเริ่มก่อตัวขึ้นในใจของเด็กสาว

      งั้นให้ชั้นไปด้วยสิ

      เอ่อ….ไม่ต้องก็ได้ย่ะ แค่ชั้นกับกานดาก็พอแล้ว จริงๆแล้วมัจฉาไม่ได้ต้องการสื่อความหมายให้เข้าใจผิดแต่อย่างใด แต่ดูท่าทางวิริยาจะเข้าใจผิดไปเรียบร้อยแล้ว

      พูดแบบนี้ หมายความว่าไงเหรอ

      เอ๊ะ…..เอ่อ

      นี่ชั้นเกะกะเธอมากนักรึไง

      ปล่าวนะคือ……”

      ไม่ต้องพูดแล้ว!!!!!!!!!” ฟุ่บบบบบ  ………log out……[ยังไม่ได้พูดอะไรเลยนะ เธอเล่นแย่งพูดหมดแบบเนี้ย] 

          ว่าแล้วเชียว ว่าแล้วว่าเธอต้องไม่เข้าใจความรู้สึกของชั้นก็แค่อยากอยู่ข้างๆเธอบ้าง อย่างน้อยก็ให้มากกว่านี้ ทั้งที่ชั้นเจอเธอก่อน ชั้นไม่อยากให้คนอื่นมาแย่งเธอไป

           อยากให้เธอสนใจชั้นแค่คนเดียว แต่นั่นก็เป็นแค่ความคิดที่เอาแต่ใจ ถึงอยากให้เป็นจริงมากแต่ไหน แต่ก็คงเป็นไปไม่ได้ ……ความเป็นจริงมันโหดร้ายกว่าที่คิด     แท้จริงแล้วฉันไม่มีสิทธิ์เรียกร้องอะไร ไม่มีสิทธิ์บงการความคิดของเธอ จึงทำได้แค่เป็นกำลังให้ เพราะว่าฉันไม่อยากจากเธอไป  

      ฝนยังคงตกอยู่ ท้องฟ้ายังคงมืดมัวไร้ซึ่งแสงตะวัน ในห้องพยาบาลนั้นเงียบสงัด มีเพียงแต่เสียงของสายลมและหยาดฝนที่ตกกระทบหลังคาเท่านั้น

       “…ช่างชั้นเถอะ พอซะที ไปจากชั้นซะทีเถอะ…”

      หยุดพูดนะ!!!!!!!!!”

      ????...มัจฉา?

      นี่เธอกำลังเข้าใจผิดเต็มๆเลยนะ ชั้นไม่ได้อยากจะออกห่างจากเธอซะหน่อย แต่นั่นมันเพราะว่าจำเป็นต้องทำ …”  มัจฉาหยุดความคิดชั่วขณะ ว่าควรจะพูดต่อดีมั้ย แต่แล้วความรู้สึกที่เก็บกดของเธอก็เป็นฝ่ายชนะ 

      ชั้นน่ะอยากจะอยู่กับเธอ อยากจะอยู่ด้วยตลอดไป เพราะงั้น อย่าพูดเหมือนกับว่า จะไม่ให้เจอกันอีกตลอดไปเด็ดขาด!!!!!” เมื่อพูดจบใบหน้าของเด็กสาวก็แดงระเรื่อ ความรู้สึกที่เก็บกดมานานบัดนี้ได้ถูกปลดปล่อยจนหมดสิ้นแล้วสิ่งที่อยากจะบอกเธอมากที่สุด…..

       “………………” คราวนี้เป็นฝ่ายวิริยาที่ต้องอึ้งบ้าง ……

      ......จริงเหรอเนี่ย มัจฉา......นี่เธอ……คิดแบบนี้จริงๆเหรอ……ถ้าอย่างนั้นชั้นก็…… 

      เธอ กำลังโกรธเพราะเมื่อวานชั้นไปกับกานดาสินะ โกรธไม่เข้าเรื่องเลยนะยะ ก็แค่เก็บเลเวลเฉยๆ เพราะอีกเดี๋ยวกานดาจะไม่อยู่ซักระยะ เห็นว่าหมอนั่นต้องไปต่างจังหวัดรึไงเนี่ยแหละ…”

      ไปอยู่ต่างจังหวัด???ซักระยะงั้นเหรอ  หึหึ ถ้ามัจฉาคิดแบบนี้ละก็

      “……………………”

      “…………วิริยา??? 

      ถ้าอย่างนั้นซักระยะนี่มัจฉาก็เป็นของชั้นคนเดียวน่ะสิ…”

      หา???......”

      ไม่สิเป็นของชั้นคนเดียวตลอดไปต่างหากละหึหึ

      อะ!!!!....วิริยาดะเดี๋ยวก่อน วิริยาที่ได้เรียวแรงกลับคืนมาบ้าง ก็กระโจนเข้าหามัจฉาที่ไม่ทันตั้งตัว จนเธออยู่ในสภาพคร่อม[seme]มัจฉาที่ล้มลงที่พื้นห้อง 

      จะทำอะไรน่ะ??

      หือ?ก็แสดงความเป็นเจ้าของไงล่ะ

      เดี๋ยวก่อนสิ แบบนี้ไม่เอาน้า~~~~”  ไม่รู้ทำไม แรงของวิริยาถึงได้มากมายมหาศาลนัก ทั้งที่เป็นไข้อยู่แท้ๆ ฝ่ายมัจฉาจึงทำได้เพียงร้องโหวกเหวกโวยวายเพราะขัดขืนไม่ได้ 

      ร้องไปก็ไม่มีใครช่วยหรอกนะหนู เพราะว่าตอนนี้ก็5โมงกว่าแล้ว ไม่มีใครอยู่แล้วล่ะ………”

      ชั้นไม่ใช่ของๆเธอซะหน่อย อย่ามา….อึก!!!” ไม่ทันพูดจบ วิริยาก็ค่อยๆคลายมือแล้วลุกขึ้นนั่ง

      ????.......วิริยา???????

      ฮึกๆ กระซิกๆ นี่เธอรังเกียจชั้นจริงๆสินะ ที่พูดมานั่น ก็เพื่อปลอบใจชั้นงั้นสิ…” น้ำตา???ค่อยๆไหลลงอาบแก้มของเธอทำเอามัจฉาตกใจทำอะไรไม่ถูก 

      ไม่ใช่ไม่ใช่นะ ชั้นไม่ได้รังเกียจเธอ แล้วก็ไม่ได้พูดโกหกเพื่อปลอบใจด้วย นี่อย่าร้องสิคือชั้น………ชั้นขอโทษ…” 

      “………งั้นก็พูดจริงน่ะสิ แล้วที่ว่าอยากจะอยู่ด้วยตลอดไปล่ะ หมายความว่าไง? [หึหึ สายไปแล้วนะหนู ก็แค่แกล้งร้องไห้เฉยๆ=3=]

      “……ก็......ก็....คือ...ชั้น…”เด็กสาวที่ได้ชื่อว่าเป็นอัจฉริยะ กลับถูกไล่ต้อนซะจนมุมอย่างง่ายดาย นั่นสิ ที่ว่าอยากอยู่ด้วยตลอดไปนี่ ทำไมเราถึงพูดออกไปแบบนั้นนะ….โอ๊ยไม่เข้าใจเลยยยยย 

      น่ารักจริงๆเลยน้า~ เวลาโหมดเอาแต่ใจของเธอหายไปแล้วกลายเป็นเด็กน้อยที่ถูกแกล้งเนี่ยก็ไม่เลวเลยนะ

      ก็คืออะไรล่ะ? วิริยาเอื้อมมือของเธอลูบหัวมัจฉาอย่างผู้มีชัย ใบหน้าเขยิบเข้ามาใกล้จนลมหายใจรดกัน

      ถ้าไม่พูดละก็ ชั้นจะทนไม่ไหวแล้วนะ

      ชั้นชะชะ..ชอบวิริยานะ 

      ว่าแล้วเชียวถ้า บอกความรู้สึกนี้ออกไป เรากลัวว่าจะต้องถูกเกลียดแน่ๆ ไม่อยากให้เธอรู้เลย ชั้นกลัวว่าถ้าพูดออกไปแล้ว เราจะกลับมาเป็นอย่างเดิมอีกไม่ได้ ชั้นอยากอยู่กับเธอแบบนี้ตลอดไป 

      “……….ถ้างั้นก็รีบพูดเร็วๆหน่อยสิยัยบ้าเอ๊ย

      เอ๊ะ?.......อุก วิริยาประกบริมฝีปากของตนเข้ากับอีกฝ่าย ความรู้สึกของเธอได้ถูกถ่ายทอด แทนคำพูดใดๆ ผ่านริมฝีปากอ่อนนุ่มที่อีกฝ่ายถูกสัมผัส 

      วิริยา…”

       วิริยาถอนริมฝีปากจากมัจฉา เด็กสาวที่พึ่งรู้สึกตัวว่าโดนจูบไปเสียแล้วใบหน้าเริ่มร้อนผ่าว แก้มเป็นสีแดงเรื่อ 

      ฉันรักมัจฉา

      “………………!!!!” เมื่อได้ยิน มัจฉาถึงกับอึ้งไปเล็กน้อย

      ฉันน่ะรักมากจนไม่รู้จะทำยังไงแล้ว อยากจะอยู่ข้างๆตลอดไป ก็แค่….อยากจะเป็นกำลังให้กับเธอ 

      ความรักที่มีให้ อยากให้อีกฝ่ายได้รับรู้ หากว่ามันเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้แล้วละก็…. หัวใจดวงนี้ มันจะแตกสลายไปมั้ยนะ?   

      วิริยา….ถ้าอย่างนั้น…” เด็กสาวยิ้มอย่างอ่อนโยนแล้วตอบกลับไปว่า

      ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะอยู่กับเธอตลอดไป เพราะว่าฉันเองก็รักวิริยามากเหมือนกัน 

      …………………………………………………ตอนนี้ ฝนได้หยุดตกแล้ว เหลือไว้แต่ท้องฟ้าสีทองอร่ามยามเย็น ที่ทอแสงให้ความอบอุ่นความกังวลต่างก็มลายหายไปเมื่อได้สัมผัส        

              ขอเพียงมีเธอในวันนี้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นฉันก็จะไม่ย่อท้อ และจะเป็นกำลังให้กับเธอเพราะว่า  

      นี่มัจฉาที่จริงแล้ว ฉันอะนะ ได้ไอเท็มหายากมาตอนเข้าดันเจี้ยนครั้งก่อนด้วยแหละ

      หา….ว่าไงนะ นี่เธอแอบอุบอิบอีกแล้วเหรอเนี่ย เอามาให้ฉันซะดีๆนะยะ

      คราวนี้ฉันขอเหอะน่านะ

      ไม่ได้ย่ะ….ชิ้นเดียวก็ไม่ได้

      ว้า~บ่นมากเดี๋ยวแก่เร็วไม่รู้ด้วยนะ

      ว่ายังไงนะนี่เธอ…”

       

       ………เพราะว่า……เธอคือคนที่สำคัญที่สุดของฉัน……



      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×