[EXEfanfic]Temperature rise[viriyaxmajcha]
ณ วันฝนตก.... ความเข้าใจผิด.... ไข้ขึ้น... และ.... คนสำคัญของฉัน
ผู้เข้าชมรวม
206
ผู้เข้าชมเดือนนี้
4
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
คุยกันก่อนติ๊ดนึง=w=
ฟิคนี้เขียนมานานนนนนมากๆๆๆๆๆ แล้วล่ะค่ะ และมันก็ออก ....หวานเลี่ยน...
อ่านจบแล้วอย่าลืมไปหาปลาเค็มมาทานกันด้วยนะก๊ะ.....(แก้เลี่ยน)
............................................................................................................................................................
ทำไมถึงไม่เคยเข้าใจฉันบ้างเลยนะ มัจฉา…
ณ โรงเรียนรวมมิตรประชาทันฑ์ โรงเรียนที่รวมเหล่าผู้เล่นเกมนีโอยูนิเวิร์ส ที่มีทั้งไอ้เกรียนหัวชมพู่ ไอ้เป็ดผี น้องนางหัวกระเซิง และอื่นๆอีกมากมาย
และในห้องเรียนห้องม.2/x
เด็กสาวผมทองนั่งอยู่ริมหน้าต่าง เธอเหม่อมองก้อนเมฆแต่ละก้อนที่ลอยผ่านไปภายใต้ท้องฟ้ายามรุ่งอรุณ
สายตาที่ทอดยาวออกไปอย่างไร้จุดหมาย และสีหน้าที่ดูเหมือนว่าจะกำลังคิดถึงเรื่องต่างๆมากมาย
“อรุณสวัสดิ์ วิริยา” เสียงทักทายที่คุ้นเคย ดังมาจากทางประตูห้องเรียน
“หือ? อะไรล่ะมัจฉา” เด็กสาวตอบด้วยเสียงห้วนๆ
“เป็นอะไรไปน่ะ เมื่อเช้าก็ออกมาก่อน ไม่ยอมรอกันเลย”
“ฉันก็แค่ขี้เกียจรอเท่านั้นแหละ” วิริยาพูดโดยไม่หันกลับมามองมัจฉา
วิ…วิริยา นี่เธอโกรธอะไรฉันใช่มั้ยเนี่ย แล้วเธอโกรธอะไรฉันงั้นเหรอ?...
เด็กสาวคิด แต่ไม่ทันได้พูดออกไป เสียงกริ่งของโรงเรียนก็ดังขึ้น
“ถะ…ถ้างั้น ตอนเย็นเจอกันนะ” มัจฉาวิ่งจากไป แต่วิริยาก็ยังคงมองออกไปนอกหน้าต่าง
ท้องฟ้า…เจ้าเองก็ดูเศร้าเหมือนกันนะ
หลังเลิกเรียน ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้สัก2-3ช.ม. ท้องฟ้าจะยังสดใสอยู่ แต่ตอนนี้กลับมืดครื้มอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ แล้วฝนก็เริ่มตก หนักขึ้น หนักขึ้น จน…[ฝนเม็ดใหญ่เท่าขี้ช้าง!!!!!]
นักเรียนม.ต้นที่เพิ่งเลิกเรียน บางคนที่มีร่มก็แบ่งๆกันใช้ บางคนก็วิ่งผ่าห่าฝนไปแบบไม่คิดชีวิต
หากแต่ยังมีน้องนางนางหนึ่ง….
“ชิ…ลืมเอาร่มมาจริงๆเหรอเนี่ย?” เด็กสาวผมทองบ่นกับตัวเอง เธอลืมเอาร่มมาจนได้ทั้งๆที่นี่ก็เข้าหน้าฝนมาตั้งนานแล้ว
วิริยามองซ้ายแลขวาราวกับว่าอาจจะเจอร่มที่คนเผลอทิ้งเอาไว้อยู่แถวนั้น เพราะนักเรียนก็ทยอยกลับกันจนเกือบหมดแล้ว ทันใดนั้นเธอก็เหลือบไปเห็นเด็กสาวผมสั้นยืนถือร่มอยู่
“มัจฉา…” วิริยาเรียกชื่อของเธอออกมาโดยไปได้ตั้งใจ แล้วก็รีบเดินเข้าไปหา ทั้งๆที่เมื่อเช้ายังหงุดหงิดอยู่แท้ๆ แต่ทันทีที่ได้เจอกลับรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก
ทันใดนั้นเด็กก็มีเด็กหนุ่มหัวสีชมพูเดินตรงมาที่มัจฉา เมื่อทั้งคู่ได้เจอกัน ก็พูดคุยกันอย่างสนิทสนม
“อะ….กานดานี่นา…” ทำไมล่ะ? ทำไมกานดาถึงได้… ไม่เห็นเข้าใจเลย
คำถามมากมาย พรั่งพรูออกมาเต็มไปหมด แต่ไม่มีคำตอบใดที่จะทำให้สิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้า คือการเข้าใจผิดได้เลย
มัจฉาเองก็ไม่ได้ยินเสียงที่วิริยาเรียกจึงเดินออกไปกับกานดาโดยที่ไม่ได้สนใจเธอเลยแม้แต่น้อย
ภาพของมัจฉา…คนที่สำคัญที่สุดสำหรับเธอ เดินจากไปโดยไม่เห็นหัวกันแบบนี้ มันทำให้ความรู้สึกหงุดหงิดทวีคูณความรุนแรง อีกทั้งใบหน้าของทั้งสองคนที่ดูยิ้มแย้มสนิทสนมนั่นล่ะ มันอะไรกัน
เหมือนถูกทิ้ง…… ท่ามกลางพายุฝนที่หนาวเหน็บ แต่ทั้งตัวและหัวใจกลับร้อนรุ่ม
ความรู้สึกนี้มันคืออะไรกันนะ …ความโกรธ ความเกลียด ความอิจฉา หรือ ความเศร้ากันแน่…
ตัว เราในตอนนี้ ไม่เห็นเข้าใจอะไรเลย ทั้งๆที่อยากเป็นคนสำคัญของเธอขนาดนั้นแท้ๆ ทั้งที่อยากจะอยู่ข้างๆเธอแต่ตอนนี้กลับทำไม่ได้เสียแล้ว
ฉันกลับบ้านเองก็ได้ .........
เด็กสาวตัดสินใจที่จะวิ่งกลับบ้านด้วยตัวเอง มือ2ข้างยกกระเป๋านักเรียนขึ้นบังหัวให้มิดชิดที่สุด แล้วออกวิ่งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
แม้ในหัวจะยังคงกังวลและสับสน ขาทั้ง2ข้างก็ยังคงวิ่งต่อไป ที่จริงเธอแค่อยากจะประชดว่าถึงไม่ต้องมีมัจฉาอยู่ข้างๆก็ไม่เป็นไร
ทำไมมันยังไม่ถึงซักทีนะ ก็วิ่งมาตั้งนานแล้วนี่นา ….
รองเท้าเปียกแฉะไปหมด เสื้อผ้าก็เปียกปอน น่าเวทนาสุดๆ ถ้าถูกใครเห็นในสภาพแบบนี้ละก็ คงต้องเอาปี๊บ [สนน ราคา 15 G] คลุมหัวแหง
ทำไมกันนะ ทำไมภาพมันเบลอๆแบบนี้เนี่ย ขาก็หนักอึ้ง หัวก็มึนไปหมด…
วิริยาที่ฝืนวิ่งมาได้ตั้งนาน ในที่สุดร่างกายที่แบกรับทั้งสภาพอากาศและสภาพจิตใจที่เลวร้ายก็มาถึงขีดสุดแล้ว ความรู้สึกต่างๆเริ่มเรือนลางลงทุกที ขานั้นวิ่งไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว
พรืดดดด!!! ตุบบบบ!!!!
เธอ ลื่นล้มลงไปบนพื้นที่เปียกแฉะ ร่างกายไม่สามารถที่จะลุกขึ้นยืนขึ้นมาได้ไหว สติที่ยังเหลือน้อยเต็มทีก็ทำได้เพียงภาวนาขอให้ทุกอย่าง มันเป็นเพียงความฝัน…
วิริยาสลบไปท่ามกลางพายุฝนที่ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเลยแม้แต่น้อย…
…………………………………………………………………………………
……อา……นี่เรา.......ตายแล้วงั้นเหรอ?
………ยังไม่ได้ทันบอกลาปะป๊ากะหม่าม๊าเลยนะ เงินที่ถูกยืมไปก็ยังไม่ได้คืน……
………ยังไม่ได้บอกมัจฉาเลยว่าเราแอบอุบอิบไอเท็มหายากราคางามไว้……
……ที่นี่คือสวรรค์งั้นสินะ แต่ทำไมมันมืดจังเลย? นั่นมัน…นางฟ้างั้นเหรอ? สวยจัง......ผมยาวสีทอง………
ดวงตาสีแดงฉานราวกับเปลวไฟ........???????? ทำไมมันหน้าตาคุ้นๆหว่า????
เด็กสาวค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ แล้วภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้าก็คือ........
“มัจฉา??????!!!!!!” วิริยาสะดุ้งเฮือกเมื่อตื่นมาเจอมัจฉานอนฟุบอยู่บนตักของเธอ เสื้อผ้าเปียกปอนเพราะฝน
เด็ก สาวหันไปดูสถานที่รอบๆตัวพบว่าเธอได้กลับมาอยู่ที่ห้องพยาบาลของโรงเรียน เสื้อผ้าที่เปียกเพราะฝนก็ถูกเปลี่ยนเป็นชุดกีฬาของโรงเรียน
……มัจฉามาเปลี่ยนให้งั้นเหรอ? เอ๊ะ??อะไรเนี่ย?.....
วิริยาเอามือยันตัวลุกขึ้นนั่ง เมื่อคลำไปที่หน้าก็พบผ้าขนหนูชุบน้ำหมาดๆโปะอยู่…
ที่ข้างเตียงก็มีกระลามังใส่น้ำวางไว้.........
........เป็นไข้ละมั้ง ยังมึนๆหัวอยู่เลย ………
…………………
…………
……มัจฉา…………………นี่เธอ………มาเฝ้าไข้ฉันตลอดเลยเหรอเนี่ย???..........
เด็กสาวยื่นมือเข้าไปลูบหัวมัจฉาที่นอนไม่ไหวติงอยู่บนตักอย่างแผ่วเบาอย่างกับว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าอาจจะแตกสลายไปได้ง่ายๆ
……ขนาดตอนนอนก็ยังทำให้ใจฉันมันเต้นไปเป็นจังหวะแบบนี้……นี่เธอจะทรมานฉันไปถึงไหนกันนะ
“อืมม…อือ…”เด็กสาวซึ่งนอนอยู่อย่างไร้สติ เริ่มรู้สึกตัวขึ้นมา
“เอ๊ะ!...วะ…วิริยา.......เธอตื่นแล้วเหรอ.......รู้สึกว่าเธอจะเป็นไข้นิดหน่อยนะ ฉันเลยพามาที่ห้องพยาบาลก่อนน่ะ…คือ....”มัจฉากระสับกระส่ายไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหนดี แต่พอเห็นวิริยาหันหน้าหนีไปทางอื่น เลยไม่รู้จะพูดอะไรดี
“วิริยา…คือชั้น........”
“นี่มัจฉา........รู้มั้ยว่าทำไมเมื่อเช้าชั้นถึงโกรธเธอ” มัจฉาหันควับทันทีเมื่อวิริยาเอ่ยชื่อของเธอ
“……………………”มัจฉาไม่ตอบ ยังคงนั่งแข็งทื่อมองไปทางวิริยาซึ่งยังคงเบือนหน้าหนีเธออยู่
ย้อนกลับไปเมื่อคืนก่อนในเกมN.U.
“……ถ้าอย่างนั้นทุกคน กลับไปเตรียมตามที่วางแผนไว้นะ แค่นี้แหละ”
ฟุ่บ ๆ ๆๆ ๆ “เฮ้อ~เหนื่อยจริงๆนะเนี่ย เป็นหัวหน้าน่ะ”มัจฉา ถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างหมดแรง ช่วงนี้ในเกมเกิดการแข่งขันทางการค้ามาก ผู้เล่นเลยต้องลำบากไปตามๆกัน ไหนจะเกิดการแย่งชิงดาวเคราะห์อีก
“ไงมัจฉา เหนื่อยหน่อยละนะช่วงนี้” สมาชิกของกองกำลังส่วนใหญ่กลับกันไปหมดแล้วเลยเหลือมัจฉากับวิริยาอยู่2คน
“อืม แต่ไม่ต้องห่วงหรอกย่ะ เธอนะไปหาของดีๆใส่เก็บเลเวลให้สูงๆก็พอแล้ว จะได้ใช้งานง่ายหน่อย”
“ว่าไงนะ พูดงี้ถ้าวันหลังเจอของดีจะไม่ให้แล้วด้วย”
“นี่เธอ… ยังติดหนี้ชั้นอยู่อีกบานเลยนะ…อ๊ะ……”
“ว่าไงมัจฉา วันนี้จะพาฉันไปล่าบอสจริงรึปล่าวเนี่ย?”“กะ..กานดา นายเข้าเกมเร็วกว่าที่นัดไว้ตั้งนานนี่นา”
“อ๋อ พอดีฉันว่าง[เกรียน+กาก]มาก เลยกะว่าจะเก็บเลเวลไปก่อน”
“งั้นเหรอ งั้นเดี๋นวฉันตามไปที่นั่นละกัน นายรออยู่นั่นแหละ”
“ตามรับสั่งจ้า”
“บอกว่าอย่าพูดแบบนั้นไงเล่า……เอ้อ…วิริยา โทษทีนะ…”มัจฉาพูดนานเกินจนลืมวิริยาซะสนิทเลย
“นัดกับกานดาไว้เหรอ ไม่เห็นบอกกันมั่งเลยนะ”ความรู้สึกบางอย่างเริ่มก่อตัวขึ้นในใจของเด็กสาว
“งั้นให้ชั้นไปด้วยสิ”
“เอ่อ….ไม่ต้องก็ได้ย่ะ แค่ชั้นกับกานดาก็พอแล้ว” จริงๆแล้วมัจฉาไม่ได้ต้องการสื่อความหมายให้เข้าใจผิดแต่อย่างใด แต่ดูท่าทางวิริยาจะเข้าใจผิดไปเรียบร้อยแล้ว
“พูดแบบนี้ หมายความว่าไงเหรอ”
“เอ๊ะ…..เอ่อ”
“นี่ชั้นเกะกะเธอมากนักรึไง”
“ปล่าวนะคือ……”
“ไม่ต้องพูดแล้ว!!!!!!!!!” ฟุ่บบบบบ ………log out……[ยังไม่ได้พูดอะไรเลยนะ เธอเล่นแย่งพูดหมดแบบเนี้ย]
ว่าแล้วเชียว ว่าแล้วว่าเธอต้องไม่เข้าใจความรู้สึกของชั้น…ก็แค่อยากอยู่ข้างๆเธอบ้าง อย่างน้อยก็ให้มากกว่านี้ ทั้งที่ชั้นเจอเธอก่อน ชั้นไม่อยากให้คนอื่นมาแย่งเธอไป…
อยากให้เธอสนใจชั้นแค่คนเดียว แต่นั่นก็เป็นแค่ความคิดที่เอาแต่ใจ ถึงอยากให้เป็นจริงมากแต่ไหน แต่ก็คงเป็นไปไม่ได้ ……ความเป็นจริงมันโหดร้ายกว่าที่คิด แท้จริงแล้วฉันไม่มีสิทธิ์เรียกร้องอะไร ไม่มีสิทธิ์บงการความคิดของเธอ จึงทำได้แค่เป็นกำลังให้ เพราะว่าฉันไม่อยากจากเธอไป …
ฝนยังคงตกอยู่… ท้องฟ้ายังคงมืดมัวไร้ซึ่งแสงตะวัน ในห้องพยาบาลนั้นเงียบสงัด มีเพียงแต่เสียงของสายลมและหยาดฝนที่ตกกระทบหลังคาเท่านั้น
“…ช่างชั้นเถอะ พอซะที ไปจากชั้นซะทีเถอะ…”
“หยุดพูดนะ!!!!!!!!!”
“????...มัจฉา?”
“นี่เธอกำลังเข้าใจผิดเต็มๆเลยนะ ชั้นไม่ได้…อยากจะออกห่างจากเธอซะหน่อย แต่นั่นมันเพราะว่าจำเป็นต้องทำ …” มัจฉาหยุดความคิดชั่วขณะ ว่าควรจะพูดต่อดีมั้ย แต่แล้วความรู้สึกที่เก็บกดของเธอก็เป็นฝ่ายชนะ
“ ชั้นน่ะอยากจะอยู่กับเธอ อยากจะอยู่ด้วยตลอดไป เพราะงั้น อย่าพูดเหมือนกับว่า จะไม่ให้เจอกันอีกตลอดไปเด็ดขาด!!!!!” เมื่อพูดจบใบหน้าของเด็กสาวก็แดงระเรื่อ ความรู้สึกที่เก็บกดมานานบัดนี้ได้ถูกปลดปล่อยจนหมดสิ้นแล้ว…สิ่งที่อยากจะบอกเธอมากที่สุด…..
“………………” คราวนี้เป็นฝ่ายวิริยาที่ต้องอึ้งบ้าง ……
......จริงเหรอเนี่ย มัจฉา......นี่เธอ……คิดแบบนี้จริงๆเหรอ……ถ้าอย่างนั้น…ชั้นก็……
“เธอ กำลังโกรธเพราะเมื่อวานชั้นไปกับกานดาสินะ โกรธไม่เข้าเรื่องเลยนะยะ ก็แค่เก็บเลเวลเฉยๆ เพราะอีกเดี๋ยวกานดาจะไม่อยู่ซักระยะ เห็นว่าหมอนั่นต้องไปต่างจังหวัดรึไงเนี่ยแหละ…”
“ไปอยู่…ต่างจังหวัด???ซักระยะ…งั้นเหรอ” หึหึ ถ้ามัจฉาคิดแบบนี้ละก็…
“……………………”
“…………วิริยา???”
“ถ้าอย่างนั้นซักระยะนี่…มัจฉาก็เป็นของชั้นคนเดียวน่ะสิ…”
“หา???......”
“ไม่สิ…เป็นของชั้นคนเดียวตลอดไปต่างหากละ…หึหึ”
“อะ!!!!....วิริยา…ดะ…เดี๋ยวก่อน” วิริยาที่ได้เรียวแรงกลับคืนมาบ้าง ก็กระโจนเข้าหามัจฉาที่ไม่ทันตั้งตัว จนเธออยู่ในสภาพคร่อม[seme]มัจฉาที่ล้มลงที่พื้นห้อง
“จะทำอะไรน่ะ??”
“หือ?ก็แสดงความเป็นเจ้าของไงล่ะ”
“เดี๋ยวก่อนสิ แบบนี้ไม่เอาน้า~~~~” ไม่รู้ทำไม แรงของวิริยาถึงได้มากมายมหาศาลนัก ทั้งที่เป็นไข้อยู่แท้ๆ ฝ่ายมัจฉาจึงทำได้เพียงร้องโหวกเหวกโวยวายเพราะขัดขืนไม่ได้
“ร้องไปก็ไม่มีใครช่วยหรอกนะหนู เพราะว่าตอนนี้ก็5โมงกว่าแล้ว ไม่มีใครอยู่แล้วล่ะ………”
“ชั้นไม่ใช่ของๆเธอซะหน่อย อย่ามา….อึก!!!” ไม่ทันพูดจบ วิริยาก็ค่อยๆคลายมือแล้วลุกขึ้นนั่ง …
“????.......วิริยา???????”
“ฮึกๆ กระซิกๆ นี่เธอรังเกียจชั้นจริงๆสินะ ที่พูดมานั่น ก็เพื่อปลอบใจชั้นงั้นสิ…” น้ำตา???ค่อยๆไหลลงอาบแก้มของเธอทำเอามัจฉาตกใจทำอะไรไม่ถูก
“ไม่ใช่…ไม่ใช่นะ ชั้นไม่ได้รังเกียจเธอ แล้วก็ไม่ได้พูดโกหกเพื่อปลอบใจด้วย นี่…อย่าร้องสิ…คือชั้น………ชั้นขอโทษ…”
“………งั้นก็พูดจริงน่ะสิ แล้วที่ว่าอยากจะอยู่ด้วยตลอดไปล่ะ หมายความว่าไง?” [หึหึ สายไปแล้วนะหนู ก็แค่แกล้งร้องไห้เฉยๆ=3=]
“……ก็......ก็....คือ...ชั้น…”เด็กสาวที่ได้ชื่อว่าเป็นอัจฉริยะ กลับถูกไล่ต้อนซะจนมุมอย่างง่ายดาย นั่นสิ ที่ว่าอยากอยู่ด้วยตลอดไปนี่ ทำไมเราถึงพูดออกไปแบบนั้นนะ….โอ๊ย…ไม่เข้าใจเลยยยยย
น่ารักจริงๆเลยน้า~ เวลาโหมดเอาแต่ใจของเธอหายไปแล้วกลายเป็นเด็กน้อยที่ถูกแกล้งเนี่ยก็ไม่เลวเลยนะ
“ก็คืออะไรล่ะ?” วิริยาเอื้อมมือของเธอลูบหัวมัจฉาอย่างผู้มีชัย ใบหน้าเขยิบเข้ามาใกล้จนลมหายใจรดกัน…
“ถ้าไม่พูดละก็ ชั้นจะทนไม่ไหวแล้วนะ”
“ชั้น…ชะ…ชะ..ชอบวิริยานะ”
ว่าแล้วเชียว…ถ้า บอกความรู้สึกนี้ออกไป เรากลัวว่าจะต้องถูกเกลียดแน่ๆ ไม่อยากให้เธอรู้เลย ชั้นกลัวว่าถ้าพูดออกไปแล้ว เราจะกลับมาเป็นอย่างเดิมอีกไม่ได้ ชั้นอยากอยู่กับเธอแบบนี้ตลอดไป
“……….ถ้างั้นก็รีบพูดเร็วๆหน่อยสิยัยบ้าเอ๊ย”
“เอ๊ะ?.......อุก” วิริยาประกบริมฝีปากของตนเข้ากับอีกฝ่าย… ความรู้สึกของเธอได้ถูกถ่ายทอด แทนคำพูดใดๆ ผ่านริมฝีปากอ่อนนุ่มที่อีกฝ่ายถูกสัมผัส
“วิริยา…”
วิริยาถอนริมฝีปากจากมัจฉา เด็กสาวที่พึ่งรู้สึกตัวว่าโดนจูบไปเสียแล้ว…ใบหน้าเริ่มร้อนผ่าว แก้มเป็นสีแดงเรื่อ
“ฉันรักมัจฉา”
“………………!!!!” เมื่อได้ยิน มัจฉาถึงกับอึ้งไปเล็กน้อย
“ฉันน่ะรักมากจนไม่รู้จะทำยังไงแล้ว อยากจะอยู่ข้างๆตลอดไป ก็แค่….อยากจะเป็นกำลังให้กับเธอ”
ความรักที่มีให้ อยากให้อีกฝ่ายได้รับรู้ หากว่ามันเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้แล้วละก็…. หัวใจดวงนี้ มันจะแตกสลายไปมั้ยนะ?
“วิริยา….ถ้าอย่างนั้น…” เด็กสาวยิ้มอย่างอ่อนโยนแล้วตอบกลับไปว่า
“ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะ…อยู่กับเธอตลอดไป เพราะว่าฉันเองก็…รักวิริยามากเหมือนกัน”
…………………………………………………ตอนนี้ ฝนได้หยุดตกแล้ว เหลือไว้แต่ท้องฟ้าสีทองอร่ามยามเย็น ที่ทอแสงให้ความอบอุ่นความกังวลต่างก็มลายหายไปเมื่อได้สัมผัส
ขอเพียงมีเธอในวันนี้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นฉันก็จะไม่ย่อท้อ และจะเป็นกำลังให้กับเธอ…เพราะว่า…
“นี่มัจฉา…ที่จริงแล้ว ฉันอะนะ ได้ไอเท็มหายากมาตอนเข้าดันเจี้ยนครั้งก่อนด้วยแหละ”
“หา….ว่าไงนะ นี่เธอแอบอุบอิบอีกแล้วเหรอเนี่ย เอามาให้ฉันซะดีๆนะยะ”
“คราวนี้…ฉันขอเหอะน่า…นะ”
“ไม่ได้ย่ะ….ชิ้นเดียวก็ไม่ได้”
“ว้า~บ่นมากเดี๋ยวแก่เร็วไม่รู้ด้วยนะ”
“ว่ายังไงนะ…นี่เธอ…”
………เพราะว่า……เธอคือคนที่สำคัญที่สุดของฉัน……
ผลงานอื่นๆ ของ shiroinu ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ shiroinu
ความคิดเห็น